เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาขอร้องให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" ใจเย็นและอดทนรอดูความสำเร็จของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเตะหน้าใหม่ที่ยังต้องการเวลาปรับตัว
เทน ฮากกล่าวว่าเขาต้องการเวลาในการพัฒนาฟอร์มการเล่นของนักเตะใหม่อย่าง โจซัว เซิร์กซี่ย์, ราสมุส ฮอยลุนด์ และ เลนี่ โยโร่ ซึ่งยังไม่ค่อยได้เล่นร่วมกันมากนัก โดยเฉพาะ โยโร่ ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมและประสบปัญหาบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม แฟนบอลแมนยูฯ ต่างไม่พอใจกับฟอร์มการเล่นของทีมที่ไม่มีทิศทาง โดยเฉพาะหลังจากเสมอกับ ทเวนเต้ 1-1 ในยูโรป้า ลีก และเสมอกับ คริสตัล พาเลซ ในพรีเมียร์ลีก แฟนบอลวิจารณ์การใช้งานนักเตะของ เทน ฮาก โดยเฉพาะการให้โอกาส มาคัส แรชฟอร์ด ที่ฟอร์มตกลงเล่นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามถึงความน่าเกรงขามของสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่หายไป ซึ่งแตกต่างจากยุครุ่งเรืองสมัย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่การเล่นในบ้านแทบจะเป็นการการันตีชัยชนะ ปัจจุบัน แมนยูฯ กลับมักจะเป็นต่อไม่มากหรือบางครั้งถึงกับเป็นรองคู่แข่งในการแข่งขันที่บ้าน
ท่ามกลางสถานการณ์นี้ โอมาร์ เบร์ราด้า ซีอีโอของแมนยูฯ ได้ประกาศเป้าหมายยิ่งใหญ่ในการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ภายในปี 2028 เพื่อฉลองครบรอบ 150 ปีของการก่อตั้งสโมสร โดยใช้ชื่อว่า "โปรเจ็ค 150"
อย่างไรก็ตาม แฟนบอลหลายคนสงสัยว่าเป้าหมายนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ภายใต้การคุมทีมของ เทน ฮาก เนื่องจากวิธีการเล่นในปัจจุบันยังห่างไกลจากทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล หรือ ลิเวอร์พูล
สถานการณ์ของแมนยูฯ ในขณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ เทน ฮาก และทีมงานกำลังเผชิญ ในขณะที่พวกเขาพยายามสร้างทีมที่แข็งแกร่งและกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง การขาดความต่อเนื่องในผลงานและรูปแบบการเล่นที่ไม่ชัดเจนกำลังสร้างความกดดันอย่างมากให้กับผู้จัดการทีมชาวดัตช์
แม้ว่าจะมีการลงทุนในนักเตะใหม่ แต่การผสมผสานพวกเขาเข้ากับนักเตะเดิมยังคงเป็นความท้าทาย นอกจากนี้ การจัดการกับความคาดหวังของแฟนบอลและความกดดันจากสื่อก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ เทน ฮาก ต้องจัดการ
ในขณะที่ "โปรเจ็ค 150" ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของสโมสรที่ต้องการกลับสู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมายนี้จะต้องอาศัยความอดทน การวางแผนอย่างรอบคอบ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งผู้บริหารและแฟนบอล
ในท้ายที่สุด เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า เอริค เทน ฮาก จะสามารถนำพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้หรือไม่ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และจะต้องอาศัยความพยายามอย่างหนักจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง